วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

4.อินเตอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของอินเตอร์เน็ตต่อการศึกษา คือการเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การค้นหาข่าวสาร
ข้อมูลต่างๆเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น  ปัจจุบัน มี web site ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย  แต่ละ web site ก็ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่างๆ  รูปแบบระบบห้องสมุดก็มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนเป็น digital library ที่มี หนังสือในเรื่องต่างๆเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ให้อ่านและค้นคว้าได้ online   การใช้ email ช่วยให้การติดต่อข่าวสาร ระหว่างนักวิชาการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ล่าช้าเหมือนแต่ก่อน  ช่วยให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง นักวิชาการในสาขาเดียวกันทั่วโลกเป็นไปได้   การเรียนแบบ online ยังช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามขีด ความสามารถของตนเอง  ใครมีความสามารถมากก็เรียนได้เร็วกว่า  นักเรียนที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในห้อง ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้นผ่านการใช้ email หรือ discussion group
 
3.หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย(Lan Topology)แบบใด เพราะอะไร

แลนและแวน โดยใช้สายเคเบิล อินฟราเรด หรือสายไฟ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกันได้และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันตัวอย่างเช่น สองแผนกในบริษัทขนาดใหญ่มีความต้องการที่จะใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างแผนก จึงมีความจำเป็นต้องเชื่อมระบบเครือข่ายของทั้งสองแผนก

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

2.การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร มีประโยชน์อย่างไร
1.       ประโยชน์ของการใช้ระบบเครือข่าย
ระบบเครือข่ายมีประโยชน์หลายอย่าง แต่มี 4 อย่างหลักๆ คือ
1)       การใช้งานพร้อมกัน หมายถึง ระบบเครือข่ายจะอนุญาตให้ผู้ใช้หลายๆ คนใช้โปรแกรมและข้อมูลต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน
ในระบบธุรกิจ  งานบางอย่างต้องให้พนักงานหลายๆ คนใช้ข้อมูลได้พร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น รายงานสรุปยอดขายของบริษัทประจำไตรมาส ซึ่งจะต้องถูกเรียกดูและแก้ไขจากผู้จัดการหลายๆ คน ถ้าในระบบธุรกิจนั้นไม่มีระบบเครือข่ายแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต้องแยกเก็บข้อมูลไว้ใช้ ดังนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ข้อมูลที่เครื่องอื่นๆ จะไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นข้อมูลแต่ละเครื่องจะไม่สอดคล้องกัน
ระบบธุรกิจจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยการเก็บข้อมูลที่อนุญาตให้ผู้ใช้มากกว่าหนึ่งคนเข้าถึงข้อมูลได้ไว้ที่เน็ตเวิร์กเซิร์ฟเวอร์ (Network Server) ซึ่งเครื่องกลางนี้ต้องมีหน่วยความจำสำรองขนาดใหญ่และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ใช้สามารถใช้ร่วมกันได้
ถ้าพนักงานส่วนมากมีการใช้งานโปรแกรมเดียวกัน ทำให้มีการใช้งานไฟล์ข้อมูลเดิมหลายๆ  ครั้ง ในสภาพแวดล้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ไม่มีระบบเครือข่าย จะต้องมีการสำเนาและติดตั้งโปรแกรมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ซึ่งการติดตั้งโปรแกรมทีละเครื่องมีค่าใช้จ่ายมาจาก 2 อย่าง คือ ซอฟต์แวร์มีราคาแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องซื้อซอฟต์แวร์หลายชุด  และการติดตั้งและกำหนดค่าต่างๆ ของโปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเสียเวลาและแรงงานมาก รวมถึงการบำรุงรักษาโปรแกรมแต่ละเครื่องจะมีค่าใช้จ่ายที่เติมขึ้น ซึ่งมีสองแนวทางแก้ไข คือ
(1)     การซื้อโปรแกรมประยุกต์แบบไซต์ไลเซนต์ (Site Licenses)
การซื้อโปรแกรมประยุกต์แบบไซต์ไลเซนต์ (Site Licenses) หมายถึง การซื้อโปรแกรมประยุกต์เพียงสำเนาชุดเดียว (หรือ 2-3 ชุด) และเสียค่าใช้จ่ายไลเซนต์ในการทำสำเนาไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ตามจำนวนที่ระบุไว้ในไลเซนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีโปรแกรมอยู่ที่เครื่องและทำงานบนแต่ละเครื่องเหมือนกับการซื้อโปรแกรมสำหรับแต่ละเครื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า
(2)     การซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่าย (Network Version)
การซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่าย เป็นการซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่ายเพียงชุดเดียวติดตั้งบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์เน็ตเวิร์ก เมื่อผู้ใช้ต้องการใช้โปรแกรม ผู้ใช้จะทำการโหลดโปรแกรมจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไปยังหน่วยความจำหลักบนเครื่องตนเอง  และผู้ใช้จะใช้งานร่วมกันได้
2)       การใช้อุปกรณ์รอบข้างร่วมกัน หมายถึง ระบบเครือข่ายจะอนุญาตให้ผู้ใช้หลายๆ คน ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัททางธุรกิจมีการติดตั้งระบบเครือข่าย คือ อุปกรณ์บางชนิดมีราคาแพง เช่น เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์  เป็นต้น ถึงแม้ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ทีราคากว่การติดตั้งระบบเครือข่าย แต่ถือว่ามีราคาสูงเกินไปถ้าต้องจัดเตรียมเครื่องพิมพ์ให้พนักงานทุกคน นอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องแล้ว ยังมีค่าบำรุงรักษาที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตาม แต่ถ้าใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกันในระบบเครือข่ายแล้ว ค่าใช้จ่ายจะถูกลงและการดูแลรักษาก็ง่ายขึ้น
3)       การสื่อสารส่วนบุคคล  หมายถึง ระบบเครือข่ายสามารถทำให้ผู้ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น
แอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการสื่อสารที่เป็นที่นิยมก็คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรือ e-mail) เป็นระบบที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อความผ่านระบบเครือข่าย อีเมล์เหมือนกับเป็นการรวมการทำงานของระบบไปรษณีย์กับระบบตอบรับโทรศัพท์
การรับส่งอีเมล์ผ่านเครือข่ายในบริษัทต่างๆ ก็เหมือนกับการรับส่งอีเมล์ในระบบอินเทอร์เน็ต ปกติแล้วระบบเครือข่ายภายในบริษัทต่างๆ จะเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต ดังนั้นพนักงานภายในบริษัทสามารถส่งและรับข้อความจากระบบเครือข่ายหรือระบบอินเทอร์เน็ตก็ได้
นอกจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แล้วยังมีเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยม คือ การประชุมทางไกล (teleconferencing) และการประชุมด้วยวิดีทัศน์ (videoconferencing)
การประชุมระยะไกล เป็นการประชุมเสมือนที่แต่ละผู้ประชุมที่อยู่คนละที่กัน สามารถที่จะโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกัน โดยการพิมพ์ข้อความถึงกันโดยแต่ละข้อความ ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนสามารถอ่านได้ โปรแกรมการประชุมระยะไกลมีการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อมีการเพิ่มความสามารถในการใช้กระดาษโน้ตในการวาดไดอะแกรมหรือภาพต่างๆ ร่วมกัน
เทคโนโลยีระบบเครือข่ายส่งเสริมให้ซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกันได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะซอฟต์แวร์ประเภทนี้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่านเครือข่ายหรือผ่านโมเด็ม และสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ยังใช้ในการส่งข้อความและเปลี่ยนไฟล์ และบางครั้งสามารถให้ผู้ใช้หลายคนทำงานบนเอกสารเดียวกันในเวลาเดียวกันได้
ถ้าผู้ใช้มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็น (เช่น กล้องวิดีโอ ไมโครโฟน และลำโพง) และซอฟต์แวร์ ผู้ใช้สามารถมองเห็นและพูดคุยกับคนอื่นที่เจอกันขณะออนไลน์ได้แทนที่จะเห็นเพียงข้อความอย่างเดียว หรือ การประชุมด้วยวิดีทัศน์
4)       การสำรองข้อมูลที่ง่ายขึ้น  หมายถึง ระบบเครือข่ายสามารถทำให้ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบสำรองข้อมูลที่สำคัญได้ง่าย
            ข้อมูลในระบบธุรกิจมีค่ามาก ดังนั้นพนักงานต้องทำการสำรองข้อมูลไว้ ทางหนึ่งที่แน่ใจว่าข้อมูลถูกสำรองไว้ก็คือเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยความจำสำรองที่ผู้ใช้สามารถติดต่อโดยผ่านระบบเครือข่ายได้ ปกติแล้วผู้จัดการระบบเครือข่ายจะทำหน้าที่ในการสำรองข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย ดังนั้นจึงต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสำรองข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ของพนักงาน โดยไม่ต้องไปทำงานกับเครื่องแต่ละเครื่องที่ต้องการสำรองบข้อมูลแต่อย่างใด ด้วยวิธีนี้จึงไม่ต้องมีการสำเนาไฟล์พนักงานมาไว้ที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนทำการสำรองข้อมูล
1.สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ
1.1. สายคู่ไขว้ (Wire pair หรือ Twisied pair หรือสายโทรศัพท์), สายโคแอกเชียล (Coaxial Cables), เส้นใยแก้วนำแสง หรือไฟเบอร์ออฟติกส์ (Fiber optics)
ข้อดีและข้อเสียของสายคู่ตีเกลียว ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด

ข้อดีและข้อเสียของสายโคแอกเชียล
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา

ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด

ข้อดีข้อเสียของสายใยแก้วนำแสง
ข้อดี
1. ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
2. ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
3. ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก
ข้อเสีย
1. มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
2. ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
3. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

การเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์

ขอต้อรรับทุกท่านเข้าสู่การเรียนรู้เพิ่มเติม วิชาคอมพิวเตอร์ค่ะ